จุดสำคัญในพลังของเครื่องจักรลูกสูบเพิ่มเป็นอย่างมากในตอนการรบ เคอร์ทิสส์ พี-36 ฮอว์คใช้เครื่องยนต์กลไกที่ลูกสูบเรียงกันเป็นวงกลมที่มีกำลัง 900 แรงม้า แม้กระนั้นไม่นานมันก็ถูกดีไซน์ใหม่ให้เป็นพี-40 วอร์ฮอว์คที่มีเครื่องจักรลูกสูบแถวเรียงที่ให้กำลัง 820 แรงม้า ในปีคริสต์ศักราช 1943 พี-40 เอ็น รุ่นปัจจุบันมีเครื่องจักรกลอัลลิสันที่ให้กำลัง 1,300 แรงม้า เมื่อหมดการทำศึกเครื่องฟ็อคเคอร์-วุล์ฟ เทอา 152 ของเยอรมันสามารถให้กำลังได้ 2,050 แรงม้าแล้วก็ พี-51 มัสแตงมีเครื่องแพ็คคาร์ด วี-1650-9 ที่ให้กำลัง 2,218 แรงม้า เครื่องซูเปอร์มารีน สปิตไฟร์ มาร์ค 1 ในปีคริสต์ศักราช 1939 มีเครื่องยนต์กลไกเมอร์ลิน 2 ของโรส์รอยซ์ที่ให้กำลัง 1,030 แรงม้า รุ่นถัดมาของมันเป็นสปิตไฟร์ เอฟ.มาร์ค 21 มีเครื่องจักรกลกริฟฟอร 61 ของโรส์รอยซ์ที่ให้กำลัง 2,035 แรงม้า นอกนั้นเครื่องจักรกลลูกสูบวงกลมเป็นที่ชอบใจในเรือบินไล่มากมายซึ่งให้กำลังตั้งแต่ 1,100 แรงม้าจนกระทั่ง 2,090 แรงม้า
jumbo jili
เรือบินไล่ส่งพลังเจ็ทลำแรกถูกประยุกต์ใช้ในปีคริสต์ศักราช 1944 รวมทั้งเห็นได้ชัดว่ามันดีมากยิ่งกว่าเครื่องจักรลูกสูบ การออกแบบใหม่อย่างเม็สเซอร์ชมิท เม 262และก็มายากลอสเตอร์ เมเทโอได้บ่งบอกถึงถึงความมีประสิทธิภาพของระบบขับ (เรือบินเฉดหัวไล่เครื่องยนต์กลไกเจ็ทที่โด่งดังอย่างเม็สเซอร์ชมิท เม 163 คอเม็ท เกิดขึ้นในขณะเดียวกันแม้กระนั้นก็มีคุณภาพที่น้อยกว่า) เรือบินขับไสพวกนี้จำนวนไม่ใช่น้อยสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 660 กม.ต่อชั่วโมง และก็เร็วพอที่จะเทียบกับความเร็วเสียง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเรือบินดำตรงลงมา เบรกอากาศ (อังกฤษ: Dive brake) ถูกเพิ่มให้กับเรือบินขับไล่ไสส่งเครื่องจักรเจ็ทข้างหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อลดปัญหาแล้วก็ทำให้นักบินควบคุมเครื่องได้
สล็อต
อาวุธที่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเปลี่ยนมาเป็นเรื่องจำเป็นในการศึก เมื่อมันเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเรือบินปีกชั้นเดี่ยวที่มิได้ถูกยิงตกกล้วยๆด้วยปืนกล ประสบการณ์ของเยอรมันในสงครามกลางเมืองประเทศสเปนทำให้พวกเขาจัดตั้งปืนใหญ่ขนาด 20 มิลลิเมตรเข้าไปในเรือบินเฉดหัวไล่ของพวกเขา ไม่นานทางข้างอังกฤษก็ทำตามอย่างด้วยการใส่ปืนใหญ่เข้าไปในปีกของเฮอร์ริเคนรวมทั้งสปิตไฟร์ ทางอเมริกานั้นขาดอาวุธของพวกเขาเองพวกเขาก็เลยแทนที่ด้วยการใส่ปืนกลขนาด 12.7 มิลลิเมตรหลายประบอกเข้าไปแทน อาวุธยังคงมากขึ้นตลอดการศึกด้วยเครื่องเม 262 ของเยอรมันที่มีปืนใหญ่สี่กระบอกที่ปลายจมูก ปืนใหญ่นั้นยิงลูกกระสุนระเบิดแล้วก็สามารถสร้างรูบนเรือบินของศัตรูได้มากกว่าเพียงแค่ทำความเสียหายนิดๆหน่อยๆมีการโต้แย้งกันระหว่างปืนกลที่มีอัตราการยิงสูงกับปืนใหญ่ที่มีอัตราการยิงต่ำแม้กระนั้นให้การทำลายที่มากกว่า
สล็อตออนไลน์
ด้วยความอยากได้การผลักดันและสนับสนุนทางอากาศโดยสนิทสนมที่มากขึ้นในสนามรบรบ เรือบินเฉดหัวไล่ก็เลยมีระเบิดและก็ถูกใช้เป็นเรือบินเฉดหัวไล่ทิ้งระเบิด การออกแบบเรือบินบางตัวอย่างเอฟดับบลิว 190 ของเยอรมันนั้นเหมาะสมกับหน้าที่นี้ แม้ดีไซน์เนอร์ได้วางแบบให้มันเป็นเรือบินขัดขวางก็ตาม ในระหว่างที่บรรทุกระเบิดอากาศสู่พื้นไว้ที่ใต้ปีก ความคล่องตัวของมันก็ถูกลดน้อยลงเพราะว่าแรงชูที่ลดลงและก็แรงฉุดที่มากขึ้น แม้กระนั้นเมื่อระเบิดถูกทิ้งเรือบินก็จะสามารถเป็นเรือบินไล่ได้อีกที ด้วยธรรมชาติที่ยืดหยุ่นของเรือบินเฉดหัวไล่ทิ้งระเบิดมันก็เลยได้ดำเนินงานที่พิเศษทั้งยังทางอากาศและก็พื้นดิน
jumboslot
เทคโนโลยีด้านเรดาร์ที่เจริญอย่างเร็วซึ่งได้ปรับปรุงขึ้นไม่นานก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง มันเหมาะสมกับเรือบินขับไสบางจำพวกอย่าง เม็สเซอร์ชมิท เบเอ็ฟ 110 บริสตอล บิวไฟเตอร์ เอฟ6เอฟ เฮลแคท รวมทั้งพี-61 กางล็กวิโดว์เพื่อพวกมันหาจุดหมายได้ในเวลากลางคืน เยอรมันได้ปรับปรุงเรือบินทิ้งระเบิดตอนกลางคืนมากเมื่อพวกเขาถูกระดมทิ้งระเบิดจากองทัพอากาศของอังกฤษ ทางอังกฤษที่เป็นผู้ผลิตเรดาร์ขึ้นมาเป็นคนแรกให้กับเรือบินทิ้งระเบิดในปีคริสต์ศักราช 1940-1941 สูญเสียเทคโนโลยีของพวกเขาให้กับทัพอากาศเยอรมัน เพราะว่าเรดาร์ใช้อย่างในช่วงเวลานั้นมันก็เลยถูกจัดตั้งกับเรือบินที่มี 2-3 ที่นั่งเพื่อมีผู้ใช้เรดาร์ที่ฝึกฝนมาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง